จิ๋วแต่แจ๋วพริกขี้หนูไทย

          พริกขี้หนูจัดได้ว่าเป็นพืชผักสวนครัว ชนิดหนึ่งที่หลายบ้านมักจะมีปลูกติดสวนครัวไว้ เพราะมีรสชาติเผ็ดร้อน มีประโยชน์ในการเพิ่มรสชาติของอาหารให้ดียิ่งขึ้น พริกขี้หนูไม่ได้ปลูกกินเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ต่างประเทศก็นิยมกินด้วยเช่นเดียวกัน พริกขี้หนูมีสารอาหารเช่น คาร์โบไฮเดรต วิตามินเอ บีและซี  แคลเซียมและฟอสฟอรัส รวมถึงมีโปรตีนและใยอาหารด้วย โอ้โห…มีใครเคยรู้บ้างไหมเนี่ยะว่าพริกขี้หนูมีดีมากมายขนาดนี้           

ข้อดี 

  1. อันดับแรกเลย คือ พริกขี้หนูช่วยในการลดน้ำหนักได้ เพราะในพริกขี้หนูมี  thermogenic ที่จะช่วยในเรื่องการเผาผลาญ ดังนั้นเมื่อกินพริกขี้หนูเข้าไปก็จะทำให้ร่างการเราเผาพลาญดีขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าพอบอกว่ากินพริกแล้วช่วยลดน้ำหนักจะพากันไปเด็ดพริกสดๆมากินนะคะ เดี๋ยวนี้เขามีพริกสกัดค่ะ สามารถหาซื้อทานกันได้
  2. การกินพริกขี้หนูจะช่วยให้อารมณ์แจ่มใส ก็เพราะสารตัวเดิมในพริกขี้หนูล่ะค่ะ ที่จะไปช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองให้หลั่งสารแห่งความสุขออกมา ดังนั้นหลังจากที่เรากินเผ็ดจึงทำให้เรารู้สึกสดชื่น
  3. ทำให้รสชาติอาหารอร่อยขึ้นจากเดิม
  4. ช่วยเรื่องลดอาการปวดต่างๆได้ ทั้งจาการปวดเส้นเอ็น ปวดฟัน ปวดข้อ ซึ่งผลที่ช่วยลดอาการปวดก็มาจากสารตัวเดียวกันกับที่ช่วยลดน้ำหนักนั่นเอง 
  5. อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าพริกขี้หนูมีวิตามินตั้งแต่ เอ ไปถึงซี ดังนั้นเมื่อมีวิตามินเยอะ จึงส่วนช่วยในเรื่องการบำรุงสายตาด้วย

นอกจากพริกขี้หนูจะมีสารอาหารเยอะแล้ว ยังมีประโยชน์ในด้านการรักษาด้วย 

  1. เบาเทาอาการปวดหัวด้วยการตำใบพริกขี้หนูมากับดินสอพองมาปิดที่ขมับจะช่วยให้ดีขึ้นได้
  2. รักษาแผลด้วยการตำใบพริกขี้หนูมาพอกตรงที่เป็นแผลสามารถรักษาได้ทั้งแผลสดและแผลเปื่อย
  3. ช่วยลดอาการบวมฟกช้ำด้วยการนำเม็ดพริกขี้หนูแห้งมาบดผสมกับวาสลีนแล้วนำมาทาตรงที่มีอาการช้ำ บวม วันละ 1-2 ครั้งจะช่วยให้ดีขึ้นได้
  4. พริกผง + วาสลีน + เหล้าเหลือง ผสมทุกอย่างให้เข้ากันแล้วมาทาตรงที่ปวด จะลดอาการปวดเมื่อยบริเวณนั้นได้ หรือจะน้ำพริกขี้หนูแห้งมาแช่แอลกอฮอล์สัก 2 อาทิตย์แล้วเอามาทาตรงที่ปวดเมื่อยก็ช่วยได้เหมือนกัน

จะเห็นได้ว่าพริกขี้หนูของเรามีประโยชน์มากมาย ทั้งยังสามารถนำมาปรุงอาหารได้อีกหลายชนิด  แต่การทานพริกขี้หนูก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียเลยดังนั้น การทานอะไรมากจนเกินพอดีย่อมมีผลเสียต่อร่างกายทั้งนั้น เราจึงควรควบคุมตัวเองไม่ให้กินพริกมากเกินไป เพราะจะเกิดผลเสียตามมามากกว่าผลดีได้เช่นเดียวกัน

 

 

สนับสนุนโดย  ซื้อหวยลาว4ตัว

กิจกรรมที่ควรทำในช่วงที่ต้องกักตัวเองอยู่ในบ้าน

     กิจกรรมที่ควรทำในช่วงที่ต้องกักตัวเองอยู่ในบ้านออกปัญหาการระบาดของโควิด-19 

           ในตอนนี้ที่ทุกคนต่างก็ถูกจำกัดพื้นที่การเดินทางไม่สามารถเดินทางออกไปท่องเที่ยวที่ไหนได้ที่เมื่อก่อนหากมีวันหยุดก็จะพากันนั่งรถเดินทางออกไปต่างจังหวัดทั้งครอบครัวเพื่อท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆไม่ว่าจะเป็นทะเล  ภูเขา  น้ำตก  ผู้คนสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยการพาตัวเองไปผ่อนคลายชื่นชมกับความงดงามตามธรรมชาติก่อนที่จะต้องกลับมาทำงานซึ่งจะต้องเจอกับความเครียดในที่ทำงานแต่ในปัจจุบันนี้เนื่องจากสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของประชาชนชาวไทยเป็นอย่างมากเพราะหลายจังหวัดมีการปิดไม่ให้เดินทางไปท่องเที่ยว

อีกทั้งตามโรงแรมต่างๆก็หยุดให้บริการเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดน้อยลงเพราะประชาชนส่วนใหญ่เกรงว่าหากมีการไปท่องเที่ยวในช่วงนี้จะเป็นการนำตนเองไปติดเชื้อไวรัสโควิด-19ตามแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้อีกทั้งรัฐบาลเองก็ได้มีการออกมาประกาศขอความร่วมมือให้งดการทำกิจกรรมในบริเวณที่มีผู้คนไปรวมกันเป็นจำนวนมากเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัส

ดังนั้นในช่วงนี้สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆจึงไม่มีใครเดินทางไปเที่ยวดังนั้นสิ่งที่จะช่วยคลายเหงาให้กับผู้คนได้ในช่วงนี้ก็คือการหยุดอยู่บ้านแล้วหากิจกรรมภายในบ้านทำไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้  ดูทีวีหนังซีรีย์ รวมถึงหาเกมมาเล่นร่วมกันในครอบครัว  

          เชื่อหรือไม่ว่าในตอนนี้หลังจากที่หลายคนต้องหยุดอยู่ที่บ้านไม่ได้ออกไปข้างนอกต่างก็เริ่มรู้สึกถึงความเครียดที่กำลังก่อตัวขึ้นทั้งการที่ต้องรู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่ภายในที่พักอาศัยเท่านั้นรวมถึงหลายคนก็เริ่มเครียดจากรายได้ที่ลดลงหลังจากที่ไม่ได้ออกไปทำงานนอกบ้านซึ่งอย่างหลังสร้างผลกระทบให้กับประชาชนได้มากที่สุดหลายคนเริ่มเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า

เนื่องจากความเครียดเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจในครอบครัวซึ่งความเครียดนี้เองทุกคนในครอบครัวจะต้องช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหาให้สมาชิกในครอบครัวลดปัญหาความตึงเครียดลงไปดังนั้นวิธีการที่จะช่วยลดความเครียดและช่วยให้เศรษฐกิจในครอบครัวไม่ต้องได้รับผลกระทบมากนักจึงควรหากิจกรรมทำด้วยการปลูกพืชผักสวนครัวเอาไว้รับประทานภายในบ้านของตนเอง

ซึ่งจะช่วยในเรื่องของเราไม่ต้องออกไปเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสในตลาดรวมถึงยังมีพืชผักสวนครัวเอาไว้กินโดยที่ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อกินได้อีกด้วยและเมื่อทุกคนมีกิจกรรมที่ต้องทำความเครียดก็จะลดน้อยถอยลง  หากคนเรามีอะไรทำในช่วงที่มีความเครียดกิจกรรมที่ทำร่วมกันกับคนในครอบครัวนั้นจะสามารถช่วยรักษาอาการเครียดลงได้บ้าง เพื่อลดความเสี่ยงการฆ่าตัวตาย

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  ชุดตรวจ hiv

อาหารกำจัดหน้าท้องส่วนเกิน

ผู้คนโดยส่วนมากเมื่อรับประทานอาหารที่มีไขมันมากเกินกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการ ก็จะเกิดภาวะลงพุงหรือที่เรียกกันว่าหน้าท้องส่วนเกิน ยื่นออกมาทำให้เกิดรูปร่างที่ไม่ดี นอกจากการออกกำลังกายเพื่อลดหน้าท้องควบคู่กันไปด้วยแล้ว ควรเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยในการลดหน้าท้อง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ไม่กลับมามีหน้าท้องอีกครั้ง

โยเกิร์ต (Yogurt) เป็นอาหารเสริมชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์กับร่างกายในหลาย ๆด้านเป็นอย่างมาก โดนเฉพาะเรื่องระบบการทำงานของลำไส้ การรับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำวันละ 1 ถ้วย จะมีส่วนช่วยทำให้หน้าท้องของเรายุบลงได้ เพราะโยเกิร์ตจะเข้าไปทำให้ลำไส้ของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ระบบขับถ่ายก็จะเป็นปกติ เพราะสาเหตุของการเกิดหน้าท้องโดยส่วนใหญ่แล้วมาจากการที่มีอาการท้องผูก หรือระบบขับถ่ายไม่ดีนั่นเอง

เสต็กปลาแซลมอน (Salmon Steak) หากเป็นไปได้แล้วรับประทาน สเต็กปลาแซลมอนแทนอาหารในมื้อเย็นไปเลยยิ่งดี เพราะในปลาแซลมอนนั้นมีไขมันที่น้อย แต่มีโปรตีนที่ให้พลังงานแก่ร่างกายมาก จึงสามารถลดการเกิดไขมันส่วนเกินที่หน้าท้องได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ของการรับประทานอาหารมื้อเย็นที่ดี คือ ไม่ควรรับประทานอาหารมื้อเย็นเกินเวลาหกโมงเย็น

อกไก่กับผักต้ม ในการรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ การเลือกอกไก่กับผักต้ม จะเป็นตัวเลือกที่ดีในการช่วยลดหน้าท้องได้ เพราะในอกไก่นั้นมีปริมาณไขมันต่ำ และยังทำให้รู้สึกอิ่มได้เร็วกว่าปกติ และการรับประทานผักที่ต้มนั้นจะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินอย่างเต็มที่ เพราะการต้มจะทำให้ผักไม่สูญเสียวิตามิน และสารอาหารที่อยู่ในผัก นอกจากจะเสริมสร้างวิตามิน และสารอาหารให้กับร่างกายแล้ว ยังช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดีอีกด้วย จึงหมดปัญหากังวลเรื่องการเกิดหน้าท้องได้ หากรับประทานอาหารชนิดนี้

ขนมปังโฮลวีตกับอะโวคาโด (Whole wheat bread with avocado) นำขนมปังโฮลวีตที่มีเส้นใยอาหารสูงมารับประทานกับอะโวคาโด 1 ลูก จะช่วยทำให้หน้าท้องของเราแบนราบลงได้อย่างรวดเร็ว เพราะเป็นเมนูที่ไม่มีไขมันเลยแม้แต่น้อย และยังมีเส้นใยอาหารจากขนมปังโฮลวีตที่ช่วยให้กระเพาะอาหารย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น และอะโวคาโดนั้นยังเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์กับร่างกายเป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยขจัดไขมันที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายให้น้อยลงได้ 

นอกจากการเลือกรับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยทำให้หน้าท้องของเราลดลงได้แล้ว การออกกำลังกายที่เน้นช่วงหน้าท้อง เพื่อให้ไขมันหน้าท้องกลายเป็นกล้ามเนื้อ ก็จะทำให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น และยังทำให้มีสุขภาพร่างกายที่ดีตามมาอีกด้วย

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยฮานอย

เจ้าแม่ตะเคียนอยากขึ้นจากน้ำ เข้าฝันให้คนพาขึ้น

         เมื่อวันที่ 1 เดือนเมษายน ปีพ.ศ. 2563    ที่หมู่บ้านหนองตะเคียนจังหวัดบุรีรัมย์มีชาวบ้านมารวมกลุ่มกันเพื่อทำการช่วยกันเอาต้นตะเคียนเก่าแก่ที่อยู่ข้างห้วยขึ้นมาเก็บเอาไว้ภายในหมู่บ้านโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากมีชาวบ้านจำนวนหลายคนในหมู่บ้านหนองตะเคียนต่างก็พากันฝันเหมือนกันว่ามีหญิงสาวมาบอกกล่าวแก่ชาวบ้านว่าให้ช่วยเหลือนำต้นตะเคียนที่อยู่ใกล้กับน้องน้ำภายในหมู่บ้านให้เอาขึ้นมาเพราะตอนนี้อยากจะขึ้นมาอยู่บนฝั่งแล้ว

เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาชาวบ้านต่างก็มารวมตัวกันและเล่าถึงความฝันที่ตัวเองได้ฝันถึงซึ่งมีหลายคนบอกกล่าวว่าความฝันนั้นฝันเหมือนกันทำให้ชาวบ้านต่างก็เชื่อว่าเจ้าแม่ตะเคียนที่อยู่ในต้นตะเคียนเก่าแก่มานานหลายปีนั้นอยากจะขึ้นมาอยู่บนบกดังนั้นวันที่ 1 เมษายนทุกคนจะรวมตัวกันเพื่อพากันไปทำพิธีกราบไหว้และอัญเชิญเจ้าแม่ตะเคียนขึ้นมาอยู่บนฝั่งโดยเมื่อมีการขุดไปตรงบริเวณที่ตรงกับความฝันก็พบว่ามีต้นตะเคียนเก่าแก่อายุน่าจะหลายร้อยปีถูกฝังดินอยู่ข้างๆใกล้กับหนองน้ำของหมู่บ้าน

ดังนั้นจึงได้พากันจุดธูปอัญเชิญเจ้าแม่ตะเคียนขึ้นมาแล้วนำมาเก็บไว้ที่หมู่บ้านโดยมีการนำทั้งดอกไม้ธูปเทียนผ้าแพร 7 สีมาผูกที่ต้นตะเคียนรวมถึงใครที่ต้องการขอโชคขอลาภก็นำแป้งมาทาและกราบไหว้ขอพรส่วนบางคนก็นำธูปที่มีตัวเลขมาจดหาเลขซึ่งหลายคนก็ได้เลขที่ใกล้เคียงกันไม่ว่าจะเป็น   374 ,  34 เป็นต้น

ซึ่งชาวบ้านต่างก็มั่นใจว่าที่เจ้าแม่ตะเคียนขึ้นมาในช่วงนี้ก็เพราะต้องการที่จะให้โชคลาภแก่ชาวบ้านหมู่บ้านหนองตะเคียนเพราะเล็งเห็นถึงความยากลำบากของชาวบ้านที่กำลังได้รับอยู่ในขณะนี้หากผลกระทบของการระบาดไวรัสโควิด-19 ตรงหน้าจึงต้องการขึ้นมาให้โชคลาภแก่ชาวบ้านซึ่งชาวบ้านต่างก็ได้เลขเด็ดกันเป็นจำนวนมากและนำไป แทงหวยออนไลน์ หรือซื้อหวยที่จะออกในงวดหน้านี้หวยงวดต่อไปหวยจะออกในวันที่ 2 พฤษภาคมซึ่งก่อนหน้านั้นทางรัฐบาลได้มีการประกาศเลื่อนการออกรางวัลชาวบ้านที่ต้องการซื้อหวยจึงยังไม่สามารถที่จะซื้อได้

โดยชาวบ้านต่างก็เชื่อกันว่าเหตุการณ์ที่รัฐบาลเลื่อนการออกหวยในครั้งนี้ก็เพราะว่าเจ้าแม่ตะเคียนดลบันดาลดลจิตใจให้กับทางรัฐบาลทำการเลื่อนหวยออกไปก่อนสำหรับบริเวณสระน้ำแห่งนี้ชาวบ้านเล่าว่าที่แห่งนี้เป็นสระน้ำเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งแต่เดิมที่สนามแห่งนี้มีการเรียกชื่อกันว่าหนองตะเคียนเนื่องจากที่นี่จะมีต้นตะเคียนขึ้นเป็นจำนวนมากแต่ปัจจุบันก็ไม่ค่อยมีแล้ว 

 

ประสบการณ์จากการใช้เครื่องช่วยฟัง

 แต่เดิมเราเป็นคนที่ได้ยินเสียงชัดเจนปกติ มีเพื่อนมีสังคม มีหน้าที่การงานทำ แต่เรามักจะมีอาการคันในรูหูบ่อยๆ

จึงชอบหาอะไรมาแหย่เข้าไปในหู เพื่อให้รู้สึกหายคัน แต่เมื่อทำแบบนี้บ่อยๆเข้าเราเริ่มรู้สึกเจ็บหู จากเจ็บกลายเป็นเริ่มปวด หูเริ่มปวดแต่เราก็ยังทนด้วยการหายาแก้ปวดมากินเอง อาการค่อยทุเลาลง แต่ผ่านไปสักพักเราก็กลับมามีอาการอย่างเดิมอยู่เพราะเราก็ยังคงหาอะไรมาแคะหูเหมือนเดิม ซึ่งเรามักจะนำสำลีที่พันไม้มาเช็คหูทุกวันหลังอาบน้ำ เมื่อความปวดหูครั้งที่สองเริ่มขึ้นเราจึงไปให้หมอที่รักษา เกี่ยวกับหู ตา จมูก ช่วยดูให้แพทย์ได้ส่องดูเข้าไปในหู พบว่าหูของเรามีแผลเป็นรอยถลอก ทำให้หูข้างในเกิดการอักเสบ คุณหมอจึงทำการรักษาให้เราและห้ามให้น้ำเข้าหูเราเพราะจะยิ่งทำให้หูรักษายากมากยิ่งขึ้น คุณหมอได้แนะนำเกี่ยวกับการดูแลหูว่าอย่าพยายามหาอะไรมาแคะหรือแหย่เพราะหากไปโดยเยื่อแก้วหูฉีกขาดจะทำให้เราหูหนวกได้ เราหลังจากที่เรามีปัญหาเรื่องมีแผลในหู เราเริ่มรู้สึกว่าเราได้ยินเสียงหวีดในหูบ่อยๆ และเวลาใครคุยกับเรา เราจะไม่ค่อยได้ยิน เราจึงแจ้งให้คุณหมอทราบอีกครั้งเพราะการที่เราไม่ค่อยได้ยินเสียงมันเป็นอุปสรรค ต่อการทำงานของเราเป็นอย่างมาก

คุณหมอได้ทำการรักษาให้แต่เรามีความจำเป็นที่ต้องการหายแบบเร่งด่วน เพราะเราต้องไปทำงานตามปกติ คุณหมอจึงแนะนำให้ใช้เครื่องช่วยฟัง ซึ่งคุณหมอบอกว่าเครื่องนี้จะช่วยให้เราได้ยินเสียงชัดเจนขึ้น และหากเรารักษาอาหารหูอักเสบนี้หายแล้ว เราก็สามารถหยุดใช้เครื่องช่วยฟังได้  เราจึงเริ่มศึกษาเรื่องเครื่องช่วยฟังและเรามีหมอคอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับเลือกซื้อเครื่องช่วยฟังเพราะว่ามันมีหลายแบบ หลายราคา เราเลือกเครื่องช่วยฟังที่สอดใส่ในหู เพราะเราไม่อยากให้ใครรู้ว่าเรากำลังมีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยิน

ซึ่งตั้งแต่ใช้เครื่องช่วยฟังมา ยังไม่เคยมีใครรู้เลยว่าเราใส่เครื่องช่วยฟังอยู่ และการสื่อสารของเรากับหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน ลูกค้าหรือแม้แต่คนในครอบครัวของเราเองก็ดีขึ้นกว่าเดิม เป็นปกติเหมือนตอนที่เรายังไม่มีปัญหาเกี่ยวกับหู ทำให้เรารู้สึกดีมากๆ ตอนนี้เราไม่ได้ใช้ เครื่องช่วยฟัง แล้ว เพราะตลอดระยะเวลาที่เราใส่เครื่องช่วยฟัง เราก็ไปหาหมอให้เขาช่วยรักษาอาการหูของเราให้ดีขึ้นด้วย หากใครยังกังวลกับการจะใช้เครื่องช่วยฟัง มั่นใจเถอะว่าใช้แล้วดีจริง

สุขภาพปากสัมพันธ์กับสุขภาพใจ

สุขภาพปากสัมพันธ์กับสุขภาพใจ

เรื่องสุขภาพปากที่ส่งผลต่อสุขภาพของส่วนอื่นของร่างกายบางครั้งอาจจะเป็นสิ่งที่พวกเราเคยได้ฟังกันมาบ้างแล้ว
แม้กระนั้นผลวิจัยซึ่งเผยแพร่ทางนิตยสารวิชาการเกี่ยวกับโรคหัวใจของยุโรปชื่อ Journal of Preventive Cardiology เมื่อต้นเดือนธ.ค. จากการพิจารณาข้อมูลสุขภาพของชาวประเทศเกาหลีกว่า 161,000 คน บางครั้งก็อาจจะช่วยย้ำความพึงพอใจหัวข้อนี้ได้

การค้นคว้าที่ว่านี้ติดตามข้อมูลด้านของสุขภาพของชาวประเทศเกาหลีใต้อายุระหว่าง 40–79 ปี เป็นเวลา 10 ปีกว่า โดยเป็นการสะสมข้อมูลในทุกด้าน ตั้งแต่ต้นแบบการใช้ชีวิต ปัญหาความป่วย รวมถึงสุขภาพของโพรงปากด้วย

ผลการศึกษาเรียนรู้สรุปว่า คนที่ดูแลรักษาสุขภาพช่องปากได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการ แปรงฟันวันละหลายๆ ครั้งจะลดโอกาสการเสี่ยงของโรคหัวใจล้มเหลวแล้วก็อาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือ atrial fibrillation ลงได้

โดยนักค้นคว้าพบว่าคนที่แปรงฟันอย่างต่ำวันละ 3 ครั้ง จะมีการเสี่ยงเรื่องหัวใจเต้นผิดจังหวะลดน้อยลง 10% แล้วลดการเสี่ยงของหัวใจล้มเหลวลงได้ 12%

ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยก่อนหน้าที่ผ่านมาพบว่า การปล่อยปละละเลยไม่ดูแลรักษาสุขภาพภายในปากนั้นเพิ่มเชื้อแบคทีเรียในกระแสโลหิตซึ่งนำไปสู่สภาวะอักเสบภายในร่างกายหรือ inflammation รวมถึงเพิ่มการเสี่ยงของอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะรวมทั้งหัวใจล้มเหลวด้วย

การศึกษาของชมรมโรคหัวใจอเมริกันเมื่อปีที่ผ่านมาให้ข้อมูลว่า พวกเราควรจะแปรงฟันสองครั้งต่อวันเป็นขั้นต่ำ โดยใช้เวลาทีละ 2 นาทีเพื่อลดการเสี่ยงเกี่ยวกับหัวใจดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น และก็นอกเหนือจากการแปรงฟันแล้วการรักษาสุขภาพเหงือกก็สำคัญด้วยเหมือนกัน เนื่องจากว่าถ้าหากฟันดีแต่เหงือกอักเสบ ช่องทางที่จะเกิดภาวะอักเสบภายในร่างกายรวมถึงโรคหัวใจก็ยังมีอยู่ โดยการรักษาสุขภาพเหงือกนั้นจำเป็นจะต้องใช้ไหมขัดฟันขั้นต่ำวันละครั้ง

แต่ หากแม้ผลการค้นคว้าคราวนี้จะให้ภาพเกี่ยวกับสุขภาพของโพรงปากรวมทั้งสุขภาพของหัวใจ แต่ว่านักค้นคว้าบางบุคคลก็เตือนว่าข้อมูลดังกล่าวข้างต้นมาจากคนภายในประเทศเดียวรวมทั้งเป็นข้อมูลในเชิงสังเกต ซึ่งยังไม่สามารถที่จะพิสูจน์ถึงปัจจัยและก็ผลประโยชน์

แม้กระนั้นแม้ว่ารายงานการศึกษาค้นคว้าวิจัยนี้จะยังไม่สามารถที่จะชี้แจงความเป็นเหตุรวมทั้งผลเรื่องสุขภาพของปากกับสุขภาพหัวใจ เนื่องจากเพียงแค่แสดงถึงความเกี่ยวข้อง แม้กระนั้นขั้นต่ำข้อมูลดังที่กล่าวมาแล้ว บางครั้งอาจจะช่วยเตือนสติว่าคนที่ต้องการมีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรงจำเป็นจะต้องเริ่มจากการดูแลและรักษาความสะอาดของเหงือกรวมทั้งฟัน

มาทำความรู้จักอาการหูตึงกัน

             ภาวะอาการหูตึงคือการที่ประสิทธิภาพการได้ยินของหูของเราลดลงอาจจะเกิดกับหูข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างก็ได้โดยปกติแล้วระดับความดังของเสียงที่คนเราสามารถได้ยินได้ไม่ควรเกิน 90 เดซิเบล สำหรับคนที่มีอาการหูตึงจะพบว่าระดับการได้ยินเสียงจะน้อยมาก อาจจะได้ยินเสียงที่คนคุยกันปกติเป็นเสียงกระซิบแผ่วๆซึ่งจะสังเกตได้ว่าคนที่มีอาการหูตึงจึงมักจะพูดตะโกนเสียงดังออกมาและต้องให้เราพูดเสียงดังๆให้เข้าฟังใหม่อีกครั้ง

 สำหรับโรคหูตึงนั้นเกิดมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น

  1. กลุ่มคนที่ทำงานในพื้นที่ที่มีเสียงดังนานๆ อย่างพวกโรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์  คนกลุ่มนี้มักจะอยู่ในพื้นที่ที่ได้ยินเสียงดังประมาณ 85 เดซิเบลขึ้นไป ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อการได้ยินเพระเสียงที่ดังเกินไปมันจะไปทำลายเซลล๋ในหูชั้นกลาง ซึ่งหากยังต้องทำงานในพื้นที่แบบนี้นานๆก็จะกลายเป็นโรคหูตึงแบบถาวรได้ ดังนั้นการทำงานในพื้นที่แบบนี้จึงสมควรจะใส่ที่อดหูเพื่อช่วยลดระดับความดังของเสียงลง แต่หากลองใส่แล้วยังรู้สึกว่าเริ่มมีปัญหาการได้ยินเสียงควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านประสาทหูทันที
  2. บางคนกินยาบางอย่างมากเกินไปก็อาจจะมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการหูตึงได้ เพียงหยุดยานั้นก็จะหาย 
  3. บางคนหูตึงเพราะอายุมากขึ้น โดยปกติแล้วคนที่อายุเกิน 60 ขึ้นไปมักจะมีปัญหาการได้ยินเพราะอวัยวะภายในร่างการมีการเสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา  ซึ่งหากหูตึงเพราะอายุมากขึ้นจะไม่สามารถรักษาได้ แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้เครื่องช่วยฟัง ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมใช้กับกลุ่มคนที่มีปัญหาการได้ยินกันเป็นจำนวนมาก
  4. หูตึงที่เกิดมาจากการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งอาจเกิดมาจากแรงกระแทก เช่น อาจโดนตบหูมาอย่างแรง ซึ่งอาการจะเป็นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแรงกระแทกบางคนอาจแค่หูตึกชั่วคราว แต่บางคนอาจหูหนวกเลย
  5. หูตึงเพราะติดเชื้อในหูชั้นใน ซึ่งต้องรีบไปให้หมอหาสาเหตุของการติดเชื้อจะได้รักษาได้ทันท่วงที
  6. หูตึงที่เกิดจากภาวะน้ำในหูไม่เท่ากัน ซึ่งโรคนี้มีผลกับหูโดยตรง ต้องปรึกษาแพทย์ และรีบรักษาด่วน

         เราสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นของเราก่อนว่าเราอยู่ในภาวะหูตึงหรือไม่ โดยพยายามสังเกตการได้ยินของตัวเราเองว่าเราต้องให้คนอื่นคอยพูดซ้ำๆกับเราบ่อยแค่ไหน หรือเมื่อเราเปิดทีวีดูระดับความดังของเสียงที่เราฟังตัวเลขสูงเกินไปหรือไม่ คนที่นั่งดูทีวีด้วยกันกับเราเขาท้วงติงถึงความดังว่าเราเปิดเสียงทีวีดังเกินไปหรือไม่ ถ้าพบว่าระดับการได้ยินของเรามีปัญหาควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

 

ขอขอบคุณบทความที่เป็นสาระน่ารู้แบบนี้ซึ่งทางทีมงานได้นำมาจากเว็บ เครื่องช่วยฟัง

ทำความเข้าใจ การใช้ยาปฏิชีวนะ

ในการรักษาอาการป่วย หรืออาการของโรคต่างๆ ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งบางครั้งหรือทุกครั้งในการรักษาจำเป็นจะต้องใช้ยาปฏิชีวนะ หรือที่อาจรู้จักกันในชื่อยาฆ่าเชื้อ ที่เรียกกันโดยชาวบ้านนั่นเอง ซึ่งการทานยาฆ่าเชื้อแบบ เอะอะก็ ซื้อยามาทานโดยไม่มีคำแนะนำหรือใบจ่ายยาจากแพทย์ ทำให้ผู้ป่วยทานยาแบบไร้ประสิทธิภาพ ทานเมื่อป่วย หยุดทานเมื่อหายแล้วไม่ได้ทานต่อให้หมด ซึ่งชักนำไปสู่การติดเชื้อดื้อยา ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของไทย เกิดจากการใช้ยาพร่ำเพรื่อ ใช้ยาไม่ถูกวิธี เช่น การกินยาดักไว้ก่อน กินยาฆ่าเชื้อทั้ง ๆ ที่ไม่มีเชื้อโรคให้ฆ่า อันตรายเกิดขึ้นเมื่อป่วยจริงแต่กินยาอะไรก็ไม่หาย และเสี่ยงเสียชีวิตได้

ทำความเข้าใจ การใช้ยาปฏิชีวนะ
การใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาโรคต่าง ๆ สามารถช่วยรักษาโรค และอาการต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากใช้ยาปฏิชีวนะไม่ถูกวิธี แทนที่จะหายจากโรคภัยเหมือนตอนที่ใช้ครั้งแรก ๆ อาจทำให้เกิดอาการดื้อยา หรือเชื้อดื้อยาขึ้น อธิบายง่ายๆ คือ เมื่อป่วยด้วยเชื้อตัวเดิมที่เคยรักษามาแล้ว แต่เมื่อใช้ยาปฏิชีวนะไม่ถูกวิธี เมื่อป่วยอีกครั้งก็อาจไม่สามารถรักษาให้หายได้ เพราะเชื้ออาจมีการพัฒนาขึ้นจนสามารถต่อสู้กับยานั้นได้ เชื้อแบคทีเรียอาจต่อต้านยาปฏิชีวนะตัวเดิมที่เคยใช้ ทำให้การรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไม่ได้ผลดีดังเดิม จนต้องเปลี่ยนไปใช้ยาที่ออกฤทธิ์แรงกว่า อาจมีผลข้างเคียงต่อร่างกายมากกว่า อาจต้องใช้เวลารักษานานขึ้น เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาแพงขึ้น หรือผู้ป่วยอาจเสี่ยงเสียชีวิตมากขึ้น

ข้อควรรู้เกี่ยวกับ ยาปฏิชีวนะ
ผศ. นพ. พิสนธิ์ จงตระกูล จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า ยาปฏิชีวนะ เป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วประสิทธิภาพจะลดลงจากปัญหาเชื้อดื้อยา เมื่อนำมาใช้พร่ำเพรื่อ เชื้อจะดื้อยามากขึ้นเรื่อย ๆ และใช้รักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย ไม่ออกฤทธิ์ในโรคติดเชื้อไวรัส

อาหารกับโรคความดันโลหิตสูง

สถานการณ์สุขภาพของคนในปัจจุบัน พบว่าคนไทยมากกว่าร้อยละ 50 มีแนวโน้มหรือกำลังเป็นโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ตัวกัน และถ้าหากไม่รีบรักษาให้ทัน โรคความดันโลหิตสูงนี้จะนำพาไป เสี่ยงเป็นโรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคไต ซึ่งโรคที่กล่าวมานี้ดันเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของโลก!!
แต่อย่าพึ่งกังวลใจไป เพราะคุณสามารถหยุดความเสี่ยงจะเป็นโรคความดันโลหิตได้ หากคุณแค่ “เลือกกิน” อาหารที่ดีกับสุขภาพ เมื่อพูดถึงอาหารสุขภาพแล้วคุณคงคิดแหละว่ามันไม่น่าอร่อยเลย ก็ไม่แน่เสมอไป เพราะอาหารเพื่อสุขภาพก็อร่อยได้

อาหารที่คุณต้องเลือกทาน ต้องมีโซเดียมต่ำ มีแร่โพแทสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม เพราะมันดีกับผู้ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง ดังนั้นหากเลือกใช้อาหารที่มีแร่ธาตุเหล่านี้เป็นมื้อเพื่อสุขภาพของคุณได้เลย

1. กีวี ผลไม้ที่วิตามินซีสูงปี๊ด พูดได้เลยว่ามีวิตามินซีสูงกว่าส้มซะอีก
วิตามินซีเกี่ยวกับความดันโลหิตสูงยังไง?
เพราะวิตามินซีทำงานร่วมกับแร่ธาตุโพแทสเซียม ทำให้สามารถช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตของเราได้ และนอกจากนี้ยังดีกับสุขภาพผิว ช่วยลดริ้วรอยได้อีก!

2. เนื้อสันใน
ทำไมต้องเลือก เนื้อสันใน ?
เพราะเนื้อสันในมีโพแทสเซียมที่ดีต่อระดับความดันโลหิต ถึง 15% คอเลสเตอรอลต่ำ รับประมาณ 5-6 ชิ้นต่อวันถือว่ากำลังดี และอย่าลืมปรุงให้พอดีเพราะการปรุงมีผลต่อระดับโซเดียมที่เพิ่มขึ้น

3. กล้วยหอม นึกไม่ออกว่าผลไม้อะไรดี หยิบกล้วยทานได้เลย มีโพแทสเซียมมากถึง 12% กินแล้วจะรู้สึกสดชื่นขึ้นด้วยนะ

4. ถั่วขาว เป็นอาหารหรือธัญพืชที่ดีมากๆ ต่อผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ไม่ว่าคุณจะทำเมนูอะไร แค่เติมถั่วขาวเข้าไป มื้อนั้นๆ ก็จะกลายเป็นเมนูเพื่อสุขภาพได้เลย ในถั่วขาวมีแมกนีเซียมสูงถึง 30%

5. คะน้า มีคุณค่าเหมาะกับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง เพิ่มการกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตให้ทำงานเป็นปกติ มีสารเบต้าแคโรทีนที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด วิตามินซีสูงก็มากไม่แพ้ผลไม้ ผักคะน้าปรุงสุกมีโพแทสเซียมกับแคลเซียมมากถึง 9%

6. ปลา ที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 นอกจากปลาแซลมอน และซาร์ดีนแล้ว ปลาทะเลไทยอย่าง ปลาทู ปลารัง ปลากะพง ปลาเก๋า ปลาอินทรีย์ ก็มีกรดนี้เช่นกัน โอเมก้า-3 ช่วยลดการอุดตันของหลอดเลือด คอเลสเตอรอลสูง ความดันโลหิตสูงได้ดี

7. ข้าวโอ๊ต นอกจากโพแทสเซียม แมกนีเซียม ยังมีเส้นใยอาหารที่ดีกับระบบหลอดเลือด ช่วยลดคอเลสเตอรอล ป้องกันความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ

คุณรู้จักกับอาหารเสริมบำรุงตับดีแค่ไหน

ตับของคุณมีอาการบวมแปลกๆ เสี่ยงต่อโรคตับอ้วน

ตับบวม หรือ ไขมันพอกตับ ไขมันแทรกตับ ไขมันเกาะตับ หรือศัพท์อะไรตามแต่ที่ทำให้เรารับรู้ได้ว่า ปริมาณไขมันในร่างกายมีมากจนไปเกาะอยู่ที่บริเวณตับ ถ้าไม่ป้องกันด้วยการทาน อาหารเสริมบำรุงตับ หรือรักษาให้ดีดี สุดท้ายอาจทำให้เป็นโรคตับแข็ง และมะเร็งตับ ถึงขั้นนั้นอาจจะทำให้เสียชีวิตได้

ตับ เกิดจาก เซลล์เล็ก ๆ รวมกันมากกว่า 3ล้านล้านเซลล์ และภายในเต็มไปด้วยเอนไซม์ชนิดต่าง ๆที่ถูกผลิตมาจากอวัยวะภายในมากกว่า 2000ชนิด มีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 1.5 กิโลกรัม โดยปกติตับของคนเราจะมีสีน้ำตาลแกมแดง

เซลล์ไขมันพอกตับนั้นอาจะเกิดจากไขมัน มาเกาะอยู่ที่บริเวณตับมากเกินไป โดยที่ปกติคนเราจะอยู่ที่ 3-5% เท่านั้น หากมีปริมาณสูงถึง 10% หรือมากกว่า ตับจะอยู่ในอันตราย มีภาวะไขมันสะสมในตับมากเกินไป ทำให้ตับไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยไขมันอาจจะอุดท่อลำเลียง ท่อส่ง หรือเกาะบริเวณเซลล์ของตับ จากสถิติการทดลองตรวจสุขภาพตับของ 10 คนจะมีค่าของไขมันเกาะที่ตับมากกว่าปกติถึง 4 คน และคนที่เป็นโรคเบาหวานหรือคนอ้วนจะมีโอกาสเป็นไขมันพอกตับมากกว่าคนปกติ และร้อยละ 50 จะไม่แสดงอาการออกมาให้เห็น

 

กลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในกลุ่มไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน โรคเบาหวาน ผู้คนเหล่านี้มีภาวะไขมันพอกตับร้อยละ 90 ในจำนวนร้อยละ 20 จะมีอาการตับอักเสบร่วมด้วย และร้อยละ 10 จะเป็นโรคตับแข็ง

ระยะของไขมันพอกตับมี 4 ระยะด้วยกันทั้งหมดดังนี้

ระยะที่ 1 เป็นระยะไขมันเกาะตัวอยู่ในเนื้อตับ ไม่ส่งผลใด ๆ ไม่มีอาการอักเสบหรือพังผืดเกิดขึ้นในตับ

ระยะที่ 2 เป็นระยะที่เริ่มมีอาการอักเสบของตับ หากไม่ควบคุมดูแลดีดี ปล่อยให้อักเสบเรื่อยๆ อาจเกิดเป็นตับอักเสบเรื้อรัง

ระยะที่ 3 เป็นระยะอักเสบรุนแรง ก่อให้เกิดพังผืด เซลล์ต่างๆเริ่มถูกทำลาย

ระยะที่ 4 เซลล์ตัวถูกทำลายมาก ตับอาจไม่ทำงานตามปกติ ส่งผลให้เป็นตับแข็งและมะเร็งตับได้ในที่สุด