เรื่อง ฝีดาษม้า (Horsepox)

ร่างกายที่ดูเหมือนจะแข็งแรงไม่ได้จำเป็นว่าจะไม่ป่วย เพราะเรื่องของโรคภัยไข้เจ็บนั้นมันมาโดยที่เราเองก็ยังไม่รู้ตัว เพราะผู้ที่ป่วยเป็นโรคร้ายบางคนก็ดูเหมือนคนปกติทั่วไปไม่ได้มีอาการแสดงว่าตัวเองป่วยหรือเป็นอะไรเลย เรื่องของอาการป่วยนั้นคุณรู้ดีว่าไม่มีใครที่อยากป่วยเป็นนั้นเป็นนี้อย่างงแน่นอน ถ้าเลือกได้ทุกคนก็อยากจะเลือกที่จะมีสุขภาพที่สมบรูณ์แข็งแรงกันทั้งนั้น ตั้งแต่ในอดีตนั้นก็มีโรคร้ายต่างๆ มากมายโดยที่ไม่แพ้ปัจจุบันเลยแม้แต่น้อย

คุณเชื่อหรือไม่ว่ามีเชื่อไวรัสต่างๆ ที่นักวิทยาศาสตร์นั้นได้สร้างขึ้นมาภายในห้องทดลองโดยที่พวกมันไม่ได้เกิดขึ้นเอง ซึ่งไวรัสหรือแบคทีเรียเหล่านี้ก็ความน่ากลัวอยู่เป็นอย่างมาก หนึ่งในไวรัสที่ได้มีการสร้างขึ้นมาจากห้องปฏิบัติชนิดหนึ่งนั้นมีชื่อว่า ฝีดาษม้า นั้นเอง ในปี 2016 ที่งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย ALBERTA เป็นมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศแคนาดา ได้มีการสังเคราะห์ฝีดาษม้าหรือ(Horsepox) ขึ้น

มา ได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งไวรัสตัวนี้นั้นได้เชื่อกันว่ามีการศูนย์พันธ์ไปแล้วตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อนและไวรัสตัวนี้มันก็ยังถือว่าเป็นญาติสนิทของ Smallpox หรือฝีดาษหรืออีกชื่อหนึ่งก็คือไข้ทรพิษนั้นเอง ซึ่งฝีดาษที่ว่านี้เป็นหนึ่งรายร้ายที่ที่ทำให้มนุษย์อย่างเราๆ ต้องจบชีวิตลงเพราะมัน ก่อนที่เรานั้นจะมีวัคซีนที่มีไว้ป้องกัน

ในส่วนของฝีดาษม้าถือได้ว่าเป็นไวรัสที่มีความอันตราที่สามารถทำให้ตายได้ แต่ไวรัสที่ว่านี้มันจะไม่ส่งผลต่อมนุษย์อย่างเราซึ่งชื่อขิงมันก็บอกอยู่แล้วว่าฝีดาษม้า ซึ่งมันจะเป็นอัตราแค่กับม้าเท่านั้น โดยง่ายสังเคราะห์ฝีดาษม้าสิ้นนี้เป็นอะไรที่ยากกว่าที่ผ่านๆ มา เนื่องด้วยขนาดที่ใหญ่โตของจีโนมของไวรัสตัวนี้ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับปอริโอแล้วมันมีขนาดแค่ 7,000 กว่าเบส

ซึ่งฝีดาษม้าจะมีขนาดถึง 200,000 กว่าเบส มีขนาดใหญ่กว่ากันถึง30เท่า โดยทีมที่ทำการวิจัยต้องสั่งซื้อ DNA สังเคราะห์มาเป็นชิ้น ชิ้นละประมาณ 30 กิโลเบส ผ่านใบสั่งทางไปรษณีย์และนำมาทำการจัดเรียงให้กลายเป็นไวรัสขึ้นมา ทีมวิจัยนี้ใช้เวลาสร้างไวรัสอยู่ครึ่งปีซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจากบริษัทแห่งหนึ่ง

และใช้งบประมาณในการสร้างราวๆ 100,000 ดอลล่าสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยก็อยู่ที่ประมาณ 3.1  ล้านบาท ซึ่งเป็นต้นทุนที่ถูกและใช้เวลาเร็วมากการทำการวิจัยที่ชิ้นใหญ่ขนาดนี้ แต่งานชิ้นนี้ก็ถูกปฏิเสธไม่ได้ตีพิมพ์ในวารสารดังๆ เนื่องจากความกังวลด้านความปอดภัยนั้นเอง

 

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์

โรคไพโบลาร์ รู้ไว รักษาไว

โรคไพโบลาร์ หรือ โรคอารมณ์ 2 ขั้ว โรคนี้ผู้ป่วยจะมีอารมณ์ที่แปรปรวนผิดปกติ โดยมีอารมณ์ที่ดีมากจนผิดปกติหรือภาวะอารมณ์ดีตื่นตัวผิดปกติ สลับกับภาวะซึมเศร้าอย่างหนัก ส่งผลกระทบต่อการทำงาน การเช้าสังคม และการใช้ชีวิต ผู้ป่วยโรคไพโบลาร์มี 2 ลักษณะที่เด่นๆสลับกัน คือ อารมณ์ดีผิดปกติ และ ซึมเศร้า โดยสามารถสังเกตได้ดังนี้

ภาวะอารมณ์ดีผิดปติ

  • รู้สึกตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา มีพลังงานในร่างกายสูงจนผิดปกติ
  • ร่างเริง อารมณ์ดีเกิดไปจนผิดสังเกตอย่างไม่มีเหตุผล
  • มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้อย่างรวดเร็วและมีความรุนแรง ส่งผลให้หงุดหงิดง่าย โกรธง่าย อารมณ์ไม่คงที่ ไม่มีเหตุผล
  • สามารถทำกิจกรรมหลายอย่างพร้อมๆกันได้ในเวลาเดียวกัน
  • คิดเร็ว พูดเร็ว พูดมาก ทำสิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
  • มีความต้องการทางเพศสูง ทำให้บางครั้งต้องช่วยตัวเองอยู่หลายครั้ง หรืออาจมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นที่แปลกหน้าได้ง่ายโดยไม่มีการป้องกัน
  • มีความประมาท ในบางครั้งที่ต้องตัดสินใจ จะตัดสินใจได้ไม่ดี เกิดความผิดพลาดสูง ใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยง ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย

ภาวะซึมเศร้า

  • มีความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ไม่สดชื่น
  • มีความรู้สึกอยากอยู่คนเดียว เก็บตัว ซึมเศร้า เสียใจง่าย ร้องไห้ง่าย
  • มีความรู้สึกเบื่อหน่าย ท้อแท้ สิ้นหวังกับสิ่งต่างๆ
  • มีความรู้สึกวิตกกังวน คิดมาก ฟุ้งซ่าน มองโลกในแง่ร้าย
  • ไม่ร่าเริง ไม่หัวเราะ รู้สึกไม่มีความสุขในชีวิต ไม่มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่ทำให้รู้สึกดีหรือผ่อนคลาย
  • รู้สึกโดดเดียว อยู่ตัวคนเดียว ไร้ค่า ผิดหวัง จนมีความคิดที่อยากจะตายหรือฆ่าตัวตาย
  • หลงลืม มีปัญหาทางด้านความจำ ไม่สามารถจดจำสิ่งต่างๆได้ดี สมาธิสั้น ไม่มีสมาธิในการทำกิจกรรมต่างๆได้ประสบความสำเร็จ
  • ทำกิจกรรมต่างๆได้น้อยลง ทำได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ หรือบางครั้งก็รู้ไม่อยากทำอะไร
  • มีปัญหาเรื่องการนอน นอนไม่หลับ หลับไม่สนิท นอนมากหรือนอนน้อยจนเกินไป
  • มีปัญหาเรื่องการกิน การอดอาหาร กินมากหรือกินน้อยจนเกินไป
  • หาสิ่งที่กระตุ้นการตื่นตัวของร่างกาย โดยการใช้สารเสพติด

หากใครที่รู้ตัวว่ามีอาการเหล่านี้ของโรคไบโพลาร์ ควรไปพบจิตแพทย์ทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อค้นหาสาเหตุของอาการผิดปกติภาวะทางอารมณ์ไม่คงที่ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย โดยจิตแพทย์จะให้ชุดคำถามการวินิจฉัยความผิดปกติทางจิตในการทดสอบว่าผู้ป่วยนั้นเป็นโรคอารมณ์ 2 ขั้วหรือไม่ รวมถึงการสอบถามหลายๆเรื่อง อย่าง ผู้ป่วยถึงอาการและปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวผู้ป่วยเอง ประวัติทางครอบครัวว่ามีญาติที่ประสบปัญหาทางจิตมาก่อนหรือไม่ ผู้ป่วยเคยมีความคิดที่เป็นอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่นหรือไม่ และประวัติการใช้ยาอะไรบ้างเพราะยาบางตัวอาจจะมีผลกระทบต่ออารมณ์และสภาพจิตใจ เมื่อทำการวินิจฉัยปัญหาเหล่านี้แล้ว จิตแพทย์จะสามารถเตรียมขั้นตอนการรักษาที่เหมาะสมให้ในแต่ละบุคคลที่มีการรักษาแตกต่างกันออกไป

 

สนับสนุนโดย  วิธีสมัครเล่นหวยฮานอย

การดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง

อาหารคลีน หลายคนยังไม่รู้เรื่องว่าของกินคลีนเป็นอย่างไร ส่วนมากแล้วจะมีความคิดว่าของกินคลีนเป็น ของกินซึ่งมีก็แต่ผัก ของกินไม่มีรสชาติเลย ทำให้คนไม่ใช่น้อยๆมีความคิดว่ามันไม่น่าทาน รวมทั้งนั้นก็เป็นความคิดที่ไม่ถูก เพราะว่าอาหารคลีน เป็น ของกินที่ลดกรรมวิธีการการปรุงแต่งสำหรับการผลิตให้ต่ำที่สุดเพียงแค่นั้น ส่วนรสยังสามารถอาจความอร่อยไว้ได้

แต่ว่าบางทีก็อาจจะจำต้องลดจำนวนลงเพื่อไม่ให้รสจัดกระทั่งเกินความจำเป็น อาหารคลีนมักจะเลือกสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ที่ร่างกายปรารถนา เป็น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต แล้วก็ไขมัน สำหรับคนที่อยากได้รับประทานอาหารคลีน ควรที่จะทำการเลือกแหล่งของกินจากข้อเสนอดังต่อไปนี้

โปรตีน จาก ไข่ ไก่ ปลา งดเว้นโปรตีนที่ทำมาจากของกินดัดแปลง เป็นต้นว่า ไส้กรอก ลูกชิ้น แหนม และก็สำหรับการแต่งควรจะงดเว้นใช้ขั้นตอนการทอดด้วยน้ำที่มาก กลายเป็นการต้ม นึ่ง หรือแม้มีความสำคัญจะต้องทอด ใช้กระทะเทฟลอนแล้วก็ใส่น้ำมันแม้กระนั้นน้อยพอดิบพอดี คาร์โบไฮเดรต ควรที่จะเลือกทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เป็นต้นว่า ข้าวซ้อมมือ ข้าวไรเบอร์ปรี่ ขนมปังโฮลวีท น้ำตาลที่มีแคลอรี่ต่ำอย่าง น้ำตาลต้นหญ้าหวาน หรือเลือกทานน้ำตาลจากการทานผลไม้ที่มีเส้นใยสูงๆแทน อาทิเช่น ผลแอปเปิ้ล เบอร์ปรี่เครือญาติต่างๆ ไขมัน บางบุคคลกลัวไขมันจนถึงเกินความจำเป็น

แต่ว่าไขมันเป็นที่สิ่งที่ร่างกายอยาก เพียงจำเป็นต้องทานในจำนวนที่สมควรไม่มากเกินไป แหล่งไขมันที่ให้คุณประโยชน์ต่อสถาพทางร่างกาย เป็น ไขมันที่มาจากปลาสมุทรน้ำลึก หรือ ไขมันที่ใช้แต่งของกินอย่าง น้ำมันที่ทำจากมะกอก น้ำมันที่ทำขึ้นมาจากมะพร้าว แม้กระนั้นถึงอย่างไรก็ควรจะบริโภคแต่ว่าน้อย

อีกหนึ่งสำคัญที่ผู้เลือกการกินอาหารคลีนจำเป็นต้องทราบเป็น การงดอาหารหวาน ของกินเล่น ที่มีคาร์โบไฮเดรตและก็โซเดียมสูง ถ้าปรารถนาของกินทานเล่นระหว่างวัน เสนอแนะให้ทานถั่ว เมล็ดพืช ที่ไม่โรยเกลือ หรือการรับประทานผักและรับประทานผลไม้ ควรจะงดเว้นเลี่ยงการทานผลไม้อบแห้ง ผลไม้ดอง ควรจะกินผักและผลไม้สด หรือผ่านกรรมวิธีการแต่งให้ต่ำที่สุด 

คุณประโยช์จากการรับประทานอาหารคลีน ที่ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยบางทีก็อาจจะยังไม่เคยทราบ นั้นเป็น ทำให้หุ่นฟิต มีรูปร่างที่ดียิ่งขึ้น เพราะว่าของกินคลีนเป็น ของกินที่ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดิบได้ดี ช่วยลดไขมันส่วนเกินภายในร่างกายตามแขนและก็ขา ยังช่วยหัวข้อการลดริ้วรอยให้มองชะลอวัย ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในเรื่องระบบการขับถ่าย

กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวสวยใสขึ้น และก็การทานอาหารคลีนนั้น ยังเป็นของกินซึ่งสามารถต้านทานโรคมะเร็ง ที่ช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มกากใยอาหาร ซึ่งสามารถทำให้ลดสารการเกิดโรคมะเร็งต่างๆโดยยิ่งไปกว่านั้นลดช่องทางกำเนิดโรคมะเร็งไส้ท้ายที่สุด การกินอาหารคลีนหรือของกินที่ช่วยสำหรับการลดหุ่นที่ดี

 

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยฮานอย

จิ๋วแต่แจ๋วพริกขี้หนูไทย

          พริกขี้หนูจัดได้ว่าเป็นพืชผักสวนครัว ชนิดหนึ่งที่หลายบ้านมักจะมีปลูกติดสวนครัวไว้ เพราะมีรสชาติเผ็ดร้อน มีประโยชน์ในการเพิ่มรสชาติของอาหารให้ดียิ่งขึ้น พริกขี้หนูไม่ได้ปลูกกินเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ต่างประเทศก็นิยมกินด้วยเช่นเดียวกัน พริกขี้หนูมีสารอาหารเช่น คาร์โบไฮเดรต วิตามินเอ บีและซี  แคลเซียมและฟอสฟอรัส รวมถึงมีโปรตีนและใยอาหารด้วย โอ้โห…มีใครเคยรู้บ้างไหมเนี่ยะว่าพริกขี้หนูมีดีมากมายขนาดนี้           

ข้อดี 

  1. อันดับแรกเลย คือ พริกขี้หนูช่วยในการลดน้ำหนักได้ เพราะในพริกขี้หนูมี  thermogenic ที่จะช่วยในเรื่องการเผาผลาญ ดังนั้นเมื่อกินพริกขี้หนูเข้าไปก็จะทำให้ร่างการเราเผาพลาญดีขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าพอบอกว่ากินพริกแล้วช่วยลดน้ำหนักจะพากันไปเด็ดพริกสดๆมากินนะคะ เดี๋ยวนี้เขามีพริกสกัดค่ะ สามารถหาซื้อทานกันได้
  2. การกินพริกขี้หนูจะช่วยให้อารมณ์แจ่มใส ก็เพราะสารตัวเดิมในพริกขี้หนูล่ะค่ะ ที่จะไปช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองให้หลั่งสารแห่งความสุขออกมา ดังนั้นหลังจากที่เรากินเผ็ดจึงทำให้เรารู้สึกสดชื่น
  3. ทำให้รสชาติอาหารอร่อยขึ้นจากเดิม
  4. ช่วยเรื่องลดอาการปวดต่างๆได้ ทั้งจาการปวดเส้นเอ็น ปวดฟัน ปวดข้อ ซึ่งผลที่ช่วยลดอาการปวดก็มาจากสารตัวเดียวกันกับที่ช่วยลดน้ำหนักนั่นเอง 
  5. อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าพริกขี้หนูมีวิตามินตั้งแต่ เอ ไปถึงซี ดังนั้นเมื่อมีวิตามินเยอะ จึงส่วนช่วยในเรื่องการบำรุงสายตาด้วย

นอกจากพริกขี้หนูจะมีสารอาหารเยอะแล้ว ยังมีประโยชน์ในด้านการรักษาด้วย 

  1. เบาเทาอาการปวดหัวด้วยการตำใบพริกขี้หนูมากับดินสอพองมาปิดที่ขมับจะช่วยให้ดีขึ้นได้
  2. รักษาแผลด้วยการตำใบพริกขี้หนูมาพอกตรงที่เป็นแผลสามารถรักษาได้ทั้งแผลสดและแผลเปื่อย
  3. ช่วยลดอาการบวมฟกช้ำด้วยการนำเม็ดพริกขี้หนูแห้งมาบดผสมกับวาสลีนแล้วนำมาทาตรงที่มีอาการช้ำ บวม วันละ 1-2 ครั้งจะช่วยให้ดีขึ้นได้
  4. พริกผง + วาสลีน + เหล้าเหลือง ผสมทุกอย่างให้เข้ากันแล้วมาทาตรงที่ปวด จะลดอาการปวดเมื่อยบริเวณนั้นได้ หรือจะน้ำพริกขี้หนูแห้งมาแช่แอลกอฮอล์สัก 2 อาทิตย์แล้วเอามาทาตรงที่ปวดเมื่อยก็ช่วยได้เหมือนกัน

จะเห็นได้ว่าพริกขี้หนูของเรามีประโยชน์มากมาย ทั้งยังสามารถนำมาปรุงอาหารได้อีกหลายชนิด  แต่การทานพริกขี้หนูก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียเลยดังนั้น การทานอะไรมากจนเกินพอดีย่อมมีผลเสียต่อร่างกายทั้งนั้น เราจึงควรควบคุมตัวเองไม่ให้กินพริกมากเกินไป เพราะจะเกิดผลเสียตามมามากกว่าผลดีได้เช่นเดียวกัน

 

 

สนับสนุนโดย  ซื้อหวยลาว4ตัว

กิจกรรมที่ควรทำในช่วงที่ต้องกักตัวเองอยู่ในบ้าน

     กิจกรรมที่ควรทำในช่วงที่ต้องกักตัวเองอยู่ในบ้านออกปัญหาการระบาดของโควิด-19 

           ในตอนนี้ที่ทุกคนต่างก็ถูกจำกัดพื้นที่การเดินทางไม่สามารถเดินทางออกไปท่องเที่ยวที่ไหนได้ที่เมื่อก่อนหากมีวันหยุดก็จะพากันนั่งรถเดินทางออกไปต่างจังหวัดทั้งครอบครัวเพื่อท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆไม่ว่าจะเป็นทะเล  ภูเขา  น้ำตก  ผู้คนสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยการพาตัวเองไปผ่อนคลายชื่นชมกับความงดงามตามธรรมชาติก่อนที่จะต้องกลับมาทำงานซึ่งจะต้องเจอกับความเครียดในที่ทำงานแต่ในปัจจุบันนี้เนื่องจากสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของประชาชนชาวไทยเป็นอย่างมากเพราะหลายจังหวัดมีการปิดไม่ให้เดินทางไปท่องเที่ยว

อีกทั้งตามโรงแรมต่างๆก็หยุดให้บริการเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดน้อยลงเพราะประชาชนส่วนใหญ่เกรงว่าหากมีการไปท่องเที่ยวในช่วงนี้จะเป็นการนำตนเองไปติดเชื้อไวรัสโควิด-19ตามแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้อีกทั้งรัฐบาลเองก็ได้มีการออกมาประกาศขอความร่วมมือให้งดการทำกิจกรรมในบริเวณที่มีผู้คนไปรวมกันเป็นจำนวนมากเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัส

ดังนั้นในช่วงนี้สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆจึงไม่มีใครเดินทางไปเที่ยวดังนั้นสิ่งที่จะช่วยคลายเหงาให้กับผู้คนได้ในช่วงนี้ก็คือการหยุดอยู่บ้านแล้วหากิจกรรมภายในบ้านทำไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้  ดูทีวีหนังซีรีย์ รวมถึงหาเกมมาเล่นร่วมกันในครอบครัว  

          เชื่อหรือไม่ว่าในตอนนี้หลังจากที่หลายคนต้องหยุดอยู่ที่บ้านไม่ได้ออกไปข้างนอกต่างก็เริ่มรู้สึกถึงความเครียดที่กำลังก่อตัวขึ้นทั้งการที่ต้องรู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่ภายในที่พักอาศัยเท่านั้นรวมถึงหลายคนก็เริ่มเครียดจากรายได้ที่ลดลงหลังจากที่ไม่ได้ออกไปทำงานนอกบ้านซึ่งอย่างหลังสร้างผลกระทบให้กับประชาชนได้มากที่สุดหลายคนเริ่มเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า

เนื่องจากความเครียดเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจในครอบครัวซึ่งความเครียดนี้เองทุกคนในครอบครัวจะต้องช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหาให้สมาชิกในครอบครัวลดปัญหาความตึงเครียดลงไปดังนั้นวิธีการที่จะช่วยลดความเครียดและช่วยให้เศรษฐกิจในครอบครัวไม่ต้องได้รับผลกระทบมากนักจึงควรหากิจกรรมทำด้วยการปลูกพืชผักสวนครัวเอาไว้รับประทานภายในบ้านของตนเอง

ซึ่งจะช่วยในเรื่องของเราไม่ต้องออกไปเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสในตลาดรวมถึงยังมีพืชผักสวนครัวเอาไว้กินโดยที่ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อกินได้อีกด้วยและเมื่อทุกคนมีกิจกรรมที่ต้องทำความเครียดก็จะลดน้อยถอยลง  หากคนเรามีอะไรทำในช่วงที่มีความเครียดกิจกรรมที่ทำร่วมกันกับคนในครอบครัวนั้นจะสามารถช่วยรักษาอาการเครียดลงได้บ้าง เพื่อลดความเสี่ยงการฆ่าตัวตาย

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  ชุดตรวจ hiv

อาหารกำจัดหน้าท้องส่วนเกิน

ผู้คนโดยส่วนมากเมื่อรับประทานอาหารที่มีไขมันมากเกินกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการ ก็จะเกิดภาวะลงพุงหรือที่เรียกกันว่าหน้าท้องส่วนเกิน ยื่นออกมาทำให้เกิดรูปร่างที่ไม่ดี นอกจากการออกกำลังกายเพื่อลดหน้าท้องควบคู่กันไปด้วยแล้ว ควรเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยในการลดหน้าท้อง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ไม่กลับมามีหน้าท้องอีกครั้ง

โยเกิร์ต (Yogurt) เป็นอาหารเสริมชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์กับร่างกายในหลาย ๆด้านเป็นอย่างมาก โดนเฉพาะเรื่องระบบการทำงานของลำไส้ การรับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำวันละ 1 ถ้วย จะมีส่วนช่วยทำให้หน้าท้องของเรายุบลงได้ เพราะโยเกิร์ตจะเข้าไปทำให้ลำไส้ของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ระบบขับถ่ายก็จะเป็นปกติ เพราะสาเหตุของการเกิดหน้าท้องโดยส่วนใหญ่แล้วมาจากการที่มีอาการท้องผูก หรือระบบขับถ่ายไม่ดีนั่นเอง

เสต็กปลาแซลมอน (Salmon Steak) หากเป็นไปได้แล้วรับประทาน สเต็กปลาแซลมอนแทนอาหารในมื้อเย็นไปเลยยิ่งดี เพราะในปลาแซลมอนนั้นมีไขมันที่น้อย แต่มีโปรตีนที่ให้พลังงานแก่ร่างกายมาก จึงสามารถลดการเกิดไขมันส่วนเกินที่หน้าท้องได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ของการรับประทานอาหารมื้อเย็นที่ดี คือ ไม่ควรรับประทานอาหารมื้อเย็นเกินเวลาหกโมงเย็น

อกไก่กับผักต้ม ในการรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ การเลือกอกไก่กับผักต้ม จะเป็นตัวเลือกที่ดีในการช่วยลดหน้าท้องได้ เพราะในอกไก่นั้นมีปริมาณไขมันต่ำ และยังทำให้รู้สึกอิ่มได้เร็วกว่าปกติ และการรับประทานผักที่ต้มนั้นจะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินอย่างเต็มที่ เพราะการต้มจะทำให้ผักไม่สูญเสียวิตามิน และสารอาหารที่อยู่ในผัก นอกจากจะเสริมสร้างวิตามิน และสารอาหารให้กับร่างกายแล้ว ยังช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดีอีกด้วย จึงหมดปัญหากังวลเรื่องการเกิดหน้าท้องได้ หากรับประทานอาหารชนิดนี้

ขนมปังโฮลวีตกับอะโวคาโด (Whole wheat bread with avocado) นำขนมปังโฮลวีตที่มีเส้นใยอาหารสูงมารับประทานกับอะโวคาโด 1 ลูก จะช่วยทำให้หน้าท้องของเราแบนราบลงได้อย่างรวดเร็ว เพราะเป็นเมนูที่ไม่มีไขมันเลยแม้แต่น้อย และยังมีเส้นใยอาหารจากขนมปังโฮลวีตที่ช่วยให้กระเพาะอาหารย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น และอะโวคาโดนั้นยังเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์กับร่างกายเป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยขจัดไขมันที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายให้น้อยลงได้ 

นอกจากการเลือกรับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยทำให้หน้าท้องของเราลดลงได้แล้ว การออกกำลังกายที่เน้นช่วงหน้าท้อง เพื่อให้ไขมันหน้าท้องกลายเป็นกล้ามเนื้อ ก็จะทำให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น และยังทำให้มีสุขภาพร่างกายที่ดีตามมาอีกด้วย

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยฮานอย

สุขภาพปากสัมพันธ์กับสุขภาพใจ

สุขภาพปากสัมพันธ์กับสุขภาพใจ

เรื่องสุขภาพปากที่ส่งผลต่อสุขภาพของส่วนอื่นของร่างกายบางครั้งอาจจะเป็นสิ่งที่พวกเราเคยได้ฟังกันมาบ้างแล้ว
แม้กระนั้นผลวิจัยซึ่งเผยแพร่ทางนิตยสารวิชาการเกี่ยวกับโรคหัวใจของยุโรปชื่อ Journal of Preventive Cardiology เมื่อต้นเดือนธ.ค. จากการพิจารณาข้อมูลสุขภาพของชาวประเทศเกาหลีกว่า 161,000 คน บางครั้งก็อาจจะช่วยย้ำความพึงพอใจหัวข้อนี้ได้

การค้นคว้าที่ว่านี้ติดตามข้อมูลด้านของสุขภาพของชาวประเทศเกาหลีใต้อายุระหว่าง 40–79 ปี เป็นเวลา 10 ปีกว่า โดยเป็นการสะสมข้อมูลในทุกด้าน ตั้งแต่ต้นแบบการใช้ชีวิต ปัญหาความป่วย รวมถึงสุขภาพของโพรงปากด้วย

ผลการศึกษาเรียนรู้สรุปว่า คนที่ดูแลรักษาสุขภาพช่องปากได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการ แปรงฟันวันละหลายๆ ครั้งจะลดโอกาสการเสี่ยงของโรคหัวใจล้มเหลวแล้วก็อาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือ atrial fibrillation ลงได้

โดยนักค้นคว้าพบว่าคนที่แปรงฟันอย่างต่ำวันละ 3 ครั้ง จะมีการเสี่ยงเรื่องหัวใจเต้นผิดจังหวะลดน้อยลง 10% แล้วลดการเสี่ยงของหัวใจล้มเหลวลงได้ 12%

ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยก่อนหน้าที่ผ่านมาพบว่า การปล่อยปละละเลยไม่ดูแลรักษาสุขภาพภายในปากนั้นเพิ่มเชื้อแบคทีเรียในกระแสโลหิตซึ่งนำไปสู่สภาวะอักเสบภายในร่างกายหรือ inflammation รวมถึงเพิ่มการเสี่ยงของอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะรวมทั้งหัวใจล้มเหลวด้วย

การศึกษาของชมรมโรคหัวใจอเมริกันเมื่อปีที่ผ่านมาให้ข้อมูลว่า พวกเราควรจะแปรงฟันสองครั้งต่อวันเป็นขั้นต่ำ โดยใช้เวลาทีละ 2 นาทีเพื่อลดการเสี่ยงเกี่ยวกับหัวใจดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น และก็นอกเหนือจากการแปรงฟันแล้วการรักษาสุขภาพเหงือกก็สำคัญด้วยเหมือนกัน เนื่องจากว่าถ้าหากฟันดีแต่เหงือกอักเสบ ช่องทางที่จะเกิดภาวะอักเสบภายในร่างกายรวมถึงโรคหัวใจก็ยังมีอยู่ โดยการรักษาสุขภาพเหงือกนั้นจำเป็นจะต้องใช้ไหมขัดฟันขั้นต่ำวันละครั้ง

แต่ หากแม้ผลการค้นคว้าคราวนี้จะให้ภาพเกี่ยวกับสุขภาพของโพรงปากรวมทั้งสุขภาพของหัวใจ แต่ว่านักค้นคว้าบางบุคคลก็เตือนว่าข้อมูลดังกล่าวข้างต้นมาจากคนภายในประเทศเดียวรวมทั้งเป็นข้อมูลในเชิงสังเกต ซึ่งยังไม่สามารถที่จะพิสูจน์ถึงปัจจัยและก็ผลประโยชน์

แม้กระนั้นแม้ว่ารายงานการศึกษาค้นคว้าวิจัยนี้จะยังไม่สามารถที่จะชี้แจงความเป็นเหตุรวมทั้งผลเรื่องสุขภาพของปากกับสุขภาพหัวใจ เนื่องจากเพียงแค่แสดงถึงความเกี่ยวข้อง แม้กระนั้นขั้นต่ำข้อมูลดังที่กล่าวมาแล้ว บางครั้งอาจจะช่วยเตือนสติว่าคนที่ต้องการมีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรงจำเป็นจะต้องเริ่มจากการดูแลและรักษาความสะอาดของเหงือกรวมทั้งฟัน

ทำความเข้าใจ การใช้ยาปฏิชีวนะ

ในการรักษาอาการป่วย หรืออาการของโรคต่างๆ ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งบางครั้งหรือทุกครั้งในการรักษาจำเป็นจะต้องใช้ยาปฏิชีวนะ หรือที่อาจรู้จักกันในชื่อยาฆ่าเชื้อ ที่เรียกกันโดยชาวบ้านนั่นเอง ซึ่งการทานยาฆ่าเชื้อแบบ เอะอะก็ ซื้อยามาทานโดยไม่มีคำแนะนำหรือใบจ่ายยาจากแพทย์ ทำให้ผู้ป่วยทานยาแบบไร้ประสิทธิภาพ ทานเมื่อป่วย หยุดทานเมื่อหายแล้วไม่ได้ทานต่อให้หมด ซึ่งชักนำไปสู่การติดเชื้อดื้อยา ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของไทย เกิดจากการใช้ยาพร่ำเพรื่อ ใช้ยาไม่ถูกวิธี เช่น การกินยาดักไว้ก่อน กินยาฆ่าเชื้อทั้ง ๆ ที่ไม่มีเชื้อโรคให้ฆ่า อันตรายเกิดขึ้นเมื่อป่วยจริงแต่กินยาอะไรก็ไม่หาย และเสี่ยงเสียชีวิตได้

ทำความเข้าใจ การใช้ยาปฏิชีวนะ
การใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาโรคต่าง ๆ สามารถช่วยรักษาโรค และอาการต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากใช้ยาปฏิชีวนะไม่ถูกวิธี แทนที่จะหายจากโรคภัยเหมือนตอนที่ใช้ครั้งแรก ๆ อาจทำให้เกิดอาการดื้อยา หรือเชื้อดื้อยาขึ้น อธิบายง่ายๆ คือ เมื่อป่วยด้วยเชื้อตัวเดิมที่เคยรักษามาแล้ว แต่เมื่อใช้ยาปฏิชีวนะไม่ถูกวิธี เมื่อป่วยอีกครั้งก็อาจไม่สามารถรักษาให้หายได้ เพราะเชื้ออาจมีการพัฒนาขึ้นจนสามารถต่อสู้กับยานั้นได้ เชื้อแบคทีเรียอาจต่อต้านยาปฏิชีวนะตัวเดิมที่เคยใช้ ทำให้การรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไม่ได้ผลดีดังเดิม จนต้องเปลี่ยนไปใช้ยาที่ออกฤทธิ์แรงกว่า อาจมีผลข้างเคียงต่อร่างกายมากกว่า อาจต้องใช้เวลารักษานานขึ้น เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาแพงขึ้น หรือผู้ป่วยอาจเสี่ยงเสียชีวิตมากขึ้น

ข้อควรรู้เกี่ยวกับ ยาปฏิชีวนะ
ผศ. นพ. พิสนธิ์ จงตระกูล จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า ยาปฏิชีวนะ เป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วประสิทธิภาพจะลดลงจากปัญหาเชื้อดื้อยา เมื่อนำมาใช้พร่ำเพรื่อ เชื้อจะดื้อยามากขึ้นเรื่อย ๆ และใช้รักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย ไม่ออกฤทธิ์ในโรคติดเชื้อไวรัส

อาหารกับโรคความดันโลหิตสูง

สถานการณ์สุขภาพของคนในปัจจุบัน พบว่าคนไทยมากกว่าร้อยละ 50 มีแนวโน้มหรือกำลังเป็นโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ตัวกัน และถ้าหากไม่รีบรักษาให้ทัน โรคความดันโลหิตสูงนี้จะนำพาไป เสี่ยงเป็นโรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคไต ซึ่งโรคที่กล่าวมานี้ดันเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของโลก!!
แต่อย่าพึ่งกังวลใจไป เพราะคุณสามารถหยุดความเสี่ยงจะเป็นโรคความดันโลหิตได้ หากคุณแค่ “เลือกกิน” อาหารที่ดีกับสุขภาพ เมื่อพูดถึงอาหารสุขภาพแล้วคุณคงคิดแหละว่ามันไม่น่าอร่อยเลย ก็ไม่แน่เสมอไป เพราะอาหารเพื่อสุขภาพก็อร่อยได้

อาหารที่คุณต้องเลือกทาน ต้องมีโซเดียมต่ำ มีแร่โพแทสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม เพราะมันดีกับผู้ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง ดังนั้นหากเลือกใช้อาหารที่มีแร่ธาตุเหล่านี้เป็นมื้อเพื่อสุขภาพของคุณได้เลย

1. กีวี ผลไม้ที่วิตามินซีสูงปี๊ด พูดได้เลยว่ามีวิตามินซีสูงกว่าส้มซะอีก
วิตามินซีเกี่ยวกับความดันโลหิตสูงยังไง?
เพราะวิตามินซีทำงานร่วมกับแร่ธาตุโพแทสเซียม ทำให้สามารถช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตของเราได้ และนอกจากนี้ยังดีกับสุขภาพผิว ช่วยลดริ้วรอยได้อีก!

2. เนื้อสันใน
ทำไมต้องเลือก เนื้อสันใน ?
เพราะเนื้อสันในมีโพแทสเซียมที่ดีต่อระดับความดันโลหิต ถึง 15% คอเลสเตอรอลต่ำ รับประมาณ 5-6 ชิ้นต่อวันถือว่ากำลังดี และอย่าลืมปรุงให้พอดีเพราะการปรุงมีผลต่อระดับโซเดียมที่เพิ่มขึ้น

3. กล้วยหอม นึกไม่ออกว่าผลไม้อะไรดี หยิบกล้วยทานได้เลย มีโพแทสเซียมมากถึง 12% กินแล้วจะรู้สึกสดชื่นขึ้นด้วยนะ

4. ถั่วขาว เป็นอาหารหรือธัญพืชที่ดีมากๆ ต่อผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ไม่ว่าคุณจะทำเมนูอะไร แค่เติมถั่วขาวเข้าไป มื้อนั้นๆ ก็จะกลายเป็นเมนูเพื่อสุขภาพได้เลย ในถั่วขาวมีแมกนีเซียมสูงถึง 30%

5. คะน้า มีคุณค่าเหมาะกับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง เพิ่มการกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตให้ทำงานเป็นปกติ มีสารเบต้าแคโรทีนที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด วิตามินซีสูงก็มากไม่แพ้ผลไม้ ผักคะน้าปรุงสุกมีโพแทสเซียมกับแคลเซียมมากถึง 9%

6. ปลา ที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 นอกจากปลาแซลมอน และซาร์ดีนแล้ว ปลาทะเลไทยอย่าง ปลาทู ปลารัง ปลากะพง ปลาเก๋า ปลาอินทรีย์ ก็มีกรดนี้เช่นกัน โอเมก้า-3 ช่วยลดการอุดตันของหลอดเลือด คอเลสเตอรอลสูง ความดันโลหิตสูงได้ดี

7. ข้าวโอ๊ต นอกจากโพแทสเซียม แมกนีเซียม ยังมีเส้นใยอาหารที่ดีกับระบบหลอดเลือด ช่วยลดคอเลสเตอรอล ป้องกันความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ

ออกกำลังกายต้องมีลิมิต สัญญาณอันตรายให้หยุด

ยุคที่ทุกคนต้องหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพและออกกำลังกายกันมากขึ้น สิ่งที่ควรทำควบคู่กัน คือ การสังเกตตัวเองและเลือกประเภทกีฬาให้เหมาะสมกับอายุ น้ำหนัก และยิ่งมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย เพราะเมื่อเกิดอาการบาดเจ็บ บางอาการสามารถดูและรักษาได้ด้วยตนเอง หากมีอาการผิดปกติและสัญญาณบางประการที่เราควรรีบพบแพทย์

1. หน้าซีด หายใจไม่คงที่

ลักษณะอาการ : ชีพจรเต้นเร็ว หายใจถี่ มือเท้าเย็น รู้สึกเหมือนจะไม่ได้สติ บางรายอาจจะมีอาการเพ้อ มีอาการเซื่องซึมหรือกระวนกระวาย มีปัญหาด้านความจำและการคิด จดจำสิ่งต่าง ๆ ได้น้อยกว่าปกติ

สาเหตุ: อาจจะเกิดจากการขาดออกซิเจนของสมอง ขาดน้ำ ระบบเมตาบอลิซึมในร่างกายไม่สมดุล มีความผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์โมนเป็นไข้ หรือติดเชื้อเฉียบพลัน นอนหลับไม่เพียงพอ หรือมีปัญหาสุขภาพจิต

2. กระดูกผิดรูป ข้อเคลื่อนหลุด หรือขยับบริเวณกระดูกหรือข้อต่อรู้สึกผิดปกติ

ลักษณะอาการ : รู้สึกปวดบริเวณกระดูกหรือข้อหลังจากอุบัติเหตุ มีอาการบวม ฟกช้ำ หรือผิดรูป เช่น ข้อศอก ข้อนิ้วมือเบี้ยวผิดปกติ ไม่สามารถเคลื่อนไหวกระดูกหรือข้อต่อนั้นได้หรือยืนลงน้ำหนักไม่ได้

สาเหตุ : ล้ม ถูกกระแทก ได้รับบาดเจ็บของกระดูกและข้อต่อลั่น เช่น ข้อเคล็ด ข้อเคลื่อน หรือกระดูกหัก ซึ่งความรุนแรงขึ้นอยู่กับลักษณะอาการบาดเจ็บ

3. ใจสั่น เจ็บหน้าอก หายใจติดขัดเหนื่อยหอบ

ลักษณะอาการ : รู้สึกเหนื่อยง่ายหรือมากกว่าปกติ อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด หายใจไม่อิ่ม อาจจะรู้สึกใจสั่นหรือเจ็บหน้าอก

สาเหตุ : อาจเกิดจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

4. อาการอ่อนแรง กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เหมือนปกติ หรือปวดเกร็ง

ลักษณะอาการ : เกร็งหรือกระตุกกล้ามเนื้อ ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อให้เคลื่อนไหวหรือ ทำงานได้ตามปกติ ตัวอย่างอาการแขนขาอ่อนแรง เช่น ยกแขนไม่ขึ้น ขยับแขนไม่ได้ตามปกติ ไม่สามารถลุกนั่ง ยืนหรือเดินได้ ซึ่งอาการเกิดขึ้นหลังจากการออกกำลังกาย

สาเหตุ : อาจเป็นอาการบ่งชี้ของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงบางชนิด หรือ ALS (Amyotrophic Lateral Sclerosis) หรือเกิดความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับสมอง เช่น เส้นเลือดสมองฝ่อหรือแตก โรคไขสันหลัง กระดูกต้นคอ และเส้นประสาทต่าง ๆ ที่ควบคุมกล้ามเนื้อ

5. มีความปวดเรื้อรังหรือมีอาการแย่ลง

ลักษณะอาการ : มีอาการปวดหลังจากได้รับบาดเจ็บมาสักระยะหนึ่ง ทั้งที่ได้รับหรือไม่ได้รับการรักษา มีอาการเป็นซ้ำหรือรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อทำกิจกรรมแบบเดิม เช่น เจ็บข้อเท้าขณะวิ่ง เมื่อหยุดวิ่งก็หาย และมีอาการเมื่อกลับมาวิ่งอีก เป็นต้น

สาเหตุ : อาจเกิดจากอาการบาดเจ็บที่ได้รับการดูแลไม่ถูกต้องเหมาะสม หรือมีการบาดเจ็บที่ยังไม่ได้รับการรักษา จำเป็นต้องได้รับการตรวจและวินิจฉัย รวมถึงการรักษาที่ถูกวิธี

ก่อนที่จะออกกำลังกายควรให้ความสำคัญกับการเตรียมพร้อมของร่างกาย อย่าฝืนออกกำลังกายให้มากเกินกำลังของตนเอง