อาหารกับโรคความดันโลหิตสูง

สถานการณ์สุขภาพของคนในปัจจุบัน พบว่าคนไทยมากกว่าร้อยละ 50 มีแนวโน้มหรือกำลังเป็นโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ตัวกัน และถ้าหากไม่รีบรักษาให้ทัน โรคความดันโลหิตสูงนี้จะนำพาไป เสี่ยงเป็นโรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคไต ซึ่งโรคที่กล่าวมานี้ดันเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของโลก!!
แต่อย่าพึ่งกังวลใจไป เพราะคุณสามารถหยุดความเสี่ยงจะเป็นโรคความดันโลหิตได้ หากคุณแค่ “เลือกกิน” อาหารที่ดีกับสุขภาพ เมื่อพูดถึงอาหารสุขภาพแล้วคุณคงคิดแหละว่ามันไม่น่าอร่อยเลย ก็ไม่แน่เสมอไป เพราะอาหารเพื่อสุขภาพก็อร่อยได้

อาหารที่คุณต้องเลือกทาน ต้องมีโซเดียมต่ำ มีแร่โพแทสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม เพราะมันดีกับผู้ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง ดังนั้นหากเลือกใช้อาหารที่มีแร่ธาตุเหล่านี้เป็นมื้อเพื่อสุขภาพของคุณได้เลย

1. กีวี ผลไม้ที่วิตามินซีสูงปี๊ด พูดได้เลยว่ามีวิตามินซีสูงกว่าส้มซะอีก
วิตามินซีเกี่ยวกับความดันโลหิตสูงยังไง?
เพราะวิตามินซีทำงานร่วมกับแร่ธาตุโพแทสเซียม ทำให้สามารถช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตของเราได้ และนอกจากนี้ยังดีกับสุขภาพผิว ช่วยลดริ้วรอยได้อีก!

2. เนื้อสันใน
ทำไมต้องเลือก เนื้อสันใน ?
เพราะเนื้อสันในมีโพแทสเซียมที่ดีต่อระดับความดันโลหิต ถึง 15% คอเลสเตอรอลต่ำ รับประมาณ 5-6 ชิ้นต่อวันถือว่ากำลังดี และอย่าลืมปรุงให้พอดีเพราะการปรุงมีผลต่อระดับโซเดียมที่เพิ่มขึ้น

3. กล้วยหอม นึกไม่ออกว่าผลไม้อะไรดี หยิบกล้วยทานได้เลย มีโพแทสเซียมมากถึง 12% กินแล้วจะรู้สึกสดชื่นขึ้นด้วยนะ

4. ถั่วขาว เป็นอาหารหรือธัญพืชที่ดีมากๆ ต่อผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ไม่ว่าคุณจะทำเมนูอะไร แค่เติมถั่วขาวเข้าไป มื้อนั้นๆ ก็จะกลายเป็นเมนูเพื่อสุขภาพได้เลย ในถั่วขาวมีแมกนีเซียมสูงถึง 30%

5. คะน้า มีคุณค่าเหมาะกับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง เพิ่มการกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตให้ทำงานเป็นปกติ มีสารเบต้าแคโรทีนที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด วิตามินซีสูงก็มากไม่แพ้ผลไม้ ผักคะน้าปรุงสุกมีโพแทสเซียมกับแคลเซียมมากถึง 9%

6. ปลา ที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 นอกจากปลาแซลมอน และซาร์ดีนแล้ว ปลาทะเลไทยอย่าง ปลาทู ปลารัง ปลากะพง ปลาเก๋า ปลาอินทรีย์ ก็มีกรดนี้เช่นกัน โอเมก้า-3 ช่วยลดการอุดตันของหลอดเลือด คอเลสเตอรอลสูง ความดันโลหิตสูงได้ดี

7. ข้าวโอ๊ต นอกจากโพแทสเซียม แมกนีเซียม ยังมีเส้นใยอาหารที่ดีกับระบบหลอดเลือด ช่วยลดคอเลสเตอรอล ป้องกันความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ

คุณรู้จักกับอาหารเสริมบำรุงตับดีแค่ไหน

ตับของคุณมีอาการบวมแปลกๆ เสี่ยงต่อโรคตับอ้วน

ตับบวม หรือ ไขมันพอกตับ ไขมันแทรกตับ ไขมันเกาะตับ หรือศัพท์อะไรตามแต่ที่ทำให้เรารับรู้ได้ว่า ปริมาณไขมันในร่างกายมีมากจนไปเกาะอยู่ที่บริเวณตับ ถ้าไม่ป้องกันด้วยการทาน อาหารเสริมบำรุงตับ หรือรักษาให้ดีดี สุดท้ายอาจทำให้เป็นโรคตับแข็ง และมะเร็งตับ ถึงขั้นนั้นอาจจะทำให้เสียชีวิตได้

ตับ เกิดจาก เซลล์เล็ก ๆ รวมกันมากกว่า 3ล้านล้านเซลล์ และภายในเต็มไปด้วยเอนไซม์ชนิดต่าง ๆที่ถูกผลิตมาจากอวัยวะภายในมากกว่า 2000ชนิด มีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 1.5 กิโลกรัม โดยปกติตับของคนเราจะมีสีน้ำตาลแกมแดง

เซลล์ไขมันพอกตับนั้นอาจะเกิดจากไขมัน มาเกาะอยู่ที่บริเวณตับมากเกินไป โดยที่ปกติคนเราจะอยู่ที่ 3-5% เท่านั้น หากมีปริมาณสูงถึง 10% หรือมากกว่า ตับจะอยู่ในอันตราย มีภาวะไขมันสะสมในตับมากเกินไป ทำให้ตับไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยไขมันอาจจะอุดท่อลำเลียง ท่อส่ง หรือเกาะบริเวณเซลล์ของตับ จากสถิติการทดลองตรวจสุขภาพตับของ 10 คนจะมีค่าของไขมันเกาะที่ตับมากกว่าปกติถึง 4 คน และคนที่เป็นโรคเบาหวานหรือคนอ้วนจะมีโอกาสเป็นไขมันพอกตับมากกว่าคนปกติ และร้อยละ 50 จะไม่แสดงอาการออกมาให้เห็น

 

กลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในกลุ่มไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน โรคเบาหวาน ผู้คนเหล่านี้มีภาวะไขมันพอกตับร้อยละ 90 ในจำนวนร้อยละ 20 จะมีอาการตับอักเสบร่วมด้วย และร้อยละ 10 จะเป็นโรคตับแข็ง

ระยะของไขมันพอกตับมี 4 ระยะด้วยกันทั้งหมดดังนี้

ระยะที่ 1 เป็นระยะไขมันเกาะตัวอยู่ในเนื้อตับ ไม่ส่งผลใด ๆ ไม่มีอาการอักเสบหรือพังผืดเกิดขึ้นในตับ

ระยะที่ 2 เป็นระยะที่เริ่มมีอาการอักเสบของตับ หากไม่ควบคุมดูแลดีดี ปล่อยให้อักเสบเรื่อยๆ อาจเกิดเป็นตับอักเสบเรื้อรัง

ระยะที่ 3 เป็นระยะอักเสบรุนแรง ก่อให้เกิดพังผืด เซลล์ต่างๆเริ่มถูกทำลาย

ระยะที่ 4 เซลล์ตัวถูกทำลายมาก ตับอาจไม่ทำงานตามปกติ ส่งผลให้เป็นตับแข็งและมะเร็งตับได้ในที่สุด